Order ถือได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างเรา ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากไม่มีออเดอร์หรือรายการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าเข้ามา ก็ย่อมไม่มียอดขายเกิดขึ้น พ่อค้าแม่ค้าต่างก็เข้าใจดีว่าออเดอร์สำคัญต่อร้านของเราแค่ไหน แต่ก็มีหลายคนมักไม่ใส่ใจหรือไม่มีวิธีบริหารจัดการออเดอร์ที่ดี จึงทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับออเดอร์เกิดขึ้นอย่างมากมาย เช่น ออเดอร์ซ้ำ ออเดอร์หลุด และออเดอร์ตกหล่น เป็นต้น ซึ่งหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับต่าง ๆ เกี่ยวกับออเดอร์ โดยเฉพาะออเดอร์หลุด ผลที่ตามมาคือไม่มียอดขายจากออเดอร์นั้น ๆ เข้ามานั่นเอง และเพื่อป้องกันไม่ให้ผลเสียเกิดขึ้นกับร้านค้าของเรา เราจึงต้องหาทาง ทำอย่างไรให้ Order ไม่หลุด ให้ได้นั่นเอง ซึ่งในวันนี้เรามีเคล็ดลับมาฝากทุกคนกัน
1. หาผู้ช่วยจดออเดอร์
เพราะการจดเดอร์อย่างถูกต้องและครบถ้วน ถือเป็นหน้าด่านสำคัญที่ช่วยลดการเกิดออเดอร์หลุดได้มากที่สุด และก็เป็นจุดที่ทำให้เกิดออเดอร์หลุดได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน บางร้านค้าที่การเปิดรับออเดอร์จากหลาย ๆ ช่องทาง หรือบางพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์บางคนที่การ Live สด ขายสินค้าด้วยตัวเอง การที่เราทำอะไรทั้งหมดหลาย ๆ อย่างเพียงคนเดียว ย่อมเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ หากคุณต้องการ ทำอย่างไรให้ Order ไม่หลุด คุณลองมองหาผู้ช่วยจดออเดอร์ที่ไม่ว่าจะเป็นคนหรือโปรแกรมเครื่องมือที่สามารถช่วยคุณลดโอกาสการเกิดความผิดพลาดนี้ได้
2. ติดป้าย Tag กำกับ เพื่อบอกสถานะลูกค้า
หากคุณมีช่องทางการขายบน Facebook และ Line ทั้งสองช่องทางมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณจัดการกับออเดอร์จากลูกค้าได้เช่นกัน นั่นก็คือการติดป้าย Tag กำกับบนแชทที่ลูกค้าทักเข้ามานั่นเอง คุณสามารถกำหนดป้าย Tag ได้ด้วยตัวเอง เพื่อบอกสถานะการสั่งซื้อของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น คนที่ทักมาแล้วแต่ปิดการขายไม่ได้ คนที่สั่งซื้อแต่ยังไม่จ่ายเงิน คนที่จ่ายเงินแล้วเป็นต้น
3. ติดตามการจ่ายเงินจากลูกค้า
คุณสามารถติดตามการจ่ายเงินของลูกค้าได้โดยดูที่ป้าย Tag กำกับที่ติดไว้กับลูกค้าแต่ละคน ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้เลย ซึ่งคุณอาจจะเลือกดูจาก Tag ที่กำกับไว้ว่ารอการชำระเงินเพียงอย่างเดียวได้เช่นกัน การติดตามการจ่ายเงินจากลูกค้า ไม่ใช่เป็นการทวงให้ลูกค้าชำระเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วย ทำอย่างไรให้ order ไม่หลุด ได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากคุณไม่ได้ติดป้าย Tag กำกับไว้ คุณจะต้องมาเลื่อนหาแชทลูกค้าว่าคนไหนจ่ายแล้วหรือยังไม่จ่าย หากคุณเปิดแชทอ่านไม่ละเอียดถี่ถ้วนก็อาจจะทำให้ออเดอร์ของลูกค้าหลุดได้เช่นกัน
4. ให้ความสำคัญกับออเดอร์สั่งภายในระยะเวลาที่กำหนด
หากคุณต้องการสรุปออเดอร์ในแต่ละวัน เพื่อทำการแพ็คสินค้านำส่งต่อไป คุณควรเลือกสรุปจากออเดอร์ที่สั่งและชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาในการรวบรวมออเดอร์ดังกล่าวและแพ็คสินค้าได้อย่างถูกต้อง สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญนอกเหนือจากออเดอร์หลุด คือการที่ลูกค้าได้รับของไม่ครบ และได้รับของล่าช้า เพราะฉะนั้นคุณควรให้ความสำคัญออเดอร์ที่มีการจ่ายเงินแล้วและทันระยะเวลาที่กำหนดของรอบการส่งในแต่ละวัน ตั้งแต่การแพ็คของและแพ็คให้ทันรอบการส่งด้วย
5. ตรวจสอบและทวนสอบออเดอร์อีกครั้งก่อนนำส่ง
ก่อนนำส่งสินค้าไปให้ลูกค้า คุณควรตรวจสอบอีกครั้งว่าลูกค้าได้จะรับสินค้าครบถ้วนตามออเดอร์ที่สั่ง และจะต้องตรวจสอบและทวนสอบด้วยว่า ออเดอร์แต่ละออเดอร์ที่รอการจัดส่ง มีการแพ็คสินค้าครบทุกออเดอร์หรือยัง โดยถ้าหากคุณมีระบบที่ช่วยตรวจสอบหรือช่วยระบุว่ามีออเดอร์จำนวนเท่าไหร่ที่จะต้องนำส่ง ทำอย่างไรให้ Order ไม่หลุด ไม่หาย ไม่ตกหล่น จากขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง การรีเช็คออเดอร์อีกครั้งถือได้ว่าเป็นปราการสุดท้าย ก่อนสินค้าจะส่งถึงมือลูกค้าต่อไป
6. หมั่นติดตามสถานะพัสดุ
อย่างไรก็ตามเมื่อส่งสินค้าออกไปแล้ว คุณควรที่จะหมั่นติดตามสถานะพัสดุเช่นเดียวกัน เพราะบางครั้งก็ไม่แน่ใจว่ามีออเดอร์หลุดก่อนการส่งสินค้าหรือไม่ หรือหากมีลูกค้าไม่ได้รับสินค้าคุณจะได้ช่วยติดตามให้ได้ ซึ่งถ้าหากคุณเลือกใช้โปรแกรมที่ช่วยจัดการออเดอร์บางโปรแกรมจะมีการแจ้งและติดตาม Tracking Number อัตโนมัติผ่านระบบ ทำให้คุณและลูกค้าของคุณติดตามสถานะพัสดุได้อย่างสะดวก ไม่เสียเวลาต้องไปค้นหาจากเว็บไซต์ของขนส่งด้วยตัวเอง อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การขายของออนไลน์ Order ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรจะหาวิธีบริหารจัดการที่ดี เพราะไม่เพียงแค่เป็นวิธีการ ทำอย่างไรให้ Order ไม่หลุด ออเดอร์ไม่ตกหล่นเท่านั้น การบริหารจัดการออเดอร์จะช่วยทำให้การขายของออนไลน์ของคุณดำเนินการได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด นอกเหนือจากเคล็ดลับที่ทางเรานำมาแนะนำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไปลองทำตามแล้ว ยังมีวิธีการจัดการออเดอร์อื่น ๆ อยู่อีกมากมาย การเลือกใช้โปรแกรมอัตโนมัติมาเป็นเครื่องมือช่วยบริหารจัดการ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยเหลือคุณบริหารจัดการออเดอร์ได้แล้ว ยังช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่าย และมีเวลามาคิดการตลาดให้ร้านค้าของคุณสามารถทำยอดขายได้อย่างปัง ๆ
อ่านเพิ่มเติม : จัดการ order อย่างไร , ขายของใน Facebook ดีไหม