ทำอย่างไรให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตามมาดู 4 วิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า

ไปที่ไหนสินค้าก็หน้าตาเหมือนกันๆ ยิ่งถ้าเป็นในห้างสรรพสินค้าที่มีสินค้าทั้ง House brand หรือ brand ตัวเองแตกย่อยลงไป บางเจ้าถึงขนาดทำหน้าตาสินค้าเหมือนแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเพื่อหลอกตาผู้บริโภคโดยทำราคาถูกลง วิธีแบบนี้จะได้ผลจริงเหรอ หรือจะได้ผลเพียงระยะสั้น เราลองมานั่งวิเคราะห์กันดูว่าเวลาเราไปซื้อน้ำอัดลมในเซเว่น โดยเฉพาะน้ำอัดลมสีดำ เราจะเห็นว่ามีทั้งสีแดง สีดำ สีน้ำเงิน ถึงแม้จะมีเยอะขนาดนี้แต่ก็มีแฟนคลับของแต่ละแบรนด์อยู่ เขาทำได้อย่างไรให้เกิดแฟนคลับที่ชื่นชอบแบรนด์เหล่านี้ นั้นก็คือทำสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

ซึ่งวิธีเพิ่มมูลค่าของสินค้านั้น ภาษาอังกฤษเรียกว่า Value added คือการให้ประสบการณ์มากกว่าการใช้งาน การจะทำสิ่งเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องศึกษาว่าสินค้าของเรานั้นสามารถจะเพิ่มมูลค่าได้อย่างไร เช่น ผ่านตัวพรีเซนเตอร์ ผ่านการใช้ lifestyle ยกตัวอย่าง สินค้า Gopro การเพิ่ม value ค่อนข้างชัดคือการนำสินค้าผ่านการโฆษณาการเล่น กิจกรรม extreme กิจกรรมผาดโผด ทำให้สินค้ตัวนี้ถ้าใครถือก็จะเหมือนว่าเขานั้นคนนั้นเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรม extreme ดูมีความเท่ ความเจ๋ง ดังนั้นวิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้า นั้นก็ดูเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของสินค้าเราได้

4 วิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า ให้ขายดีไม่กำไรแบบสุดปัง

โดยวันนี้เราก็มีหลักการที่เป็นวิธีการเพิ่มมูลค่าของสินค้ามากฝากกัน คือ

1. ค้นหา Position

ของแบรนด์เราให้เจอ ปัจจุบันนั้นสินค้าที่ประเภทคล้ายๆกับเรานั้นมีอยู่จำนวนมาก เราต้องค้นหาให้ได้ว่าแบรนด์เรานั้นอยู่ตรงไหนของตลาดและมีคู่แข่งเยอะขนาดนั้น และเราจะทำให้เราแตกต่างได้อย่างไร หากเราค้นพบว่าตลาดคือตลาดไหนเราจะได้ เพิ่มมูลค่าของสินค้าเราได้ตรงจุด เช่นการเลือก พรีเซนเตอร์ ภาพ คำพูดการสื่อสาร ต้องแบบดูดี หรือ บ้านๆ ไปเลย

2. ทำวิจัยค้นคว้ากับลูกค้า

ลองหาลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของสินค้าเรามานั่งคุยกันว่า ทำไมถึงเลือกสินค้าเรา ทำไมถึงไม่ชอบสินค้าของคู่แข่ง ค่อยๆถาม อย่าให้เขารู้สึกอึดอัด หรือการทำ survey ก็ไม่ควรจะถามเยอะ ถามสั้นๆให้ได้ใจความ และควรเป็นคำถามปลายเปิดจะดีที่สุดเพื่อให้เขาได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นความคิดเห็นในแง่ลบ เราก็สามารถนำมาปรับปรุงให้เป็นแง่บวกได้ ยิ่งเราได้ข้อมูลมาเยอะก็จะสามารถนำมาวิเคราะห์ได้หลายมุมมองอีกด้วย

3. สร้างสีสันให้กับสินค้าของเรา

เมื่อเราได้ข้อมูลต่างๆมาแล้วก็ลองนำมาพัฒนากับสินค้าของเราดูว่า สิ่งที่เราค้นพบนั้นสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ เช่นการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของโฆษณา คำพูด หรือการปรับรูปทรงสินค้าก็อาจจะส่งผลการตัดสินใจซื้อของลูกค้ามากขึ้น

4. นำมาวิเคราะห์และวางแผนต่อไป

หลังจากเราทำทั้งหมด 3 ขั้นตอนเรียบร้อยแล้วก็นำข้อมูลทั้งหมด มาวางแผนการตลาดต่อไป ว่าเราจะต้องเพิ่มส่วนไหน ลดส่วนไหน หรือจะต้องทำโปรโมชั่นเพิ่มขึ้นไหม จ้าง influencer คนไหนดีเพื่อให้สินค้าเราไปอยู่ในใจของลูกค้าให้ได้

อย่างไรก็ตาม 4 ข้อสำหรับวิธีการเพิ่มมูลค่าของสินค้านั้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นจริงๆแล้วยังมีอีกหลายวิธีให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ทดลองนำไปใช้กัน อย่างเช่นการทำ 4P หรือ 4C ยังคงสามารถนำมาใช้ได้เสมอ หรือการทำ SWOT หาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม ยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องคอย monitor อยู่ทุกวัน เพราะการตลาดในโลกยุคปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนทุกนาที การที่เราหยุดนิ่งก็เท่ากับเรากำลังถอยหลังแล้ว

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากจะให้สินค้ามีคุณค่ามากขึ้นการส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าก่อนเวลา หรือ ภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยสินค้าไม่เสียหายก็เป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มมูลค่าสินค้าได้เหมือนกัน หากลองมาใช้ระบบ Fillgoods ที่ตอบโจทย์ทุการขาย ครอบคลุมทุกการจัดส่ง เพราะเรามีขนส่งให้เลือกมากมาก พร้อมทั้งระบบสต๊อก การเรียกขนส่งถึงหน้าบ้าน พร้อมภาพรวมการขายของ ที่ดูง่าย ไม่ยุ่งยาก สามารถแคปจอส่งไปให้ผู้บริหาร หรือหุ้นส่วนดูได้อย่างง่ายดายเลย

อยากเพิ่มยอดขายให้โตเกินคาด โทรปรึกษา Fillgoods ผู้ช่วยมืออาชีพของธุรกิจออนไลน์ เลย!

โทรเลย 021146800 กด 1

วันจันทร์ – วันศุกร์
เวลา 09.00 – 18.00 น.