New normal หรือพฤติกรรมปกติใหม่ ยังคงเป็นเทรนด์หลักที่ไม่ว่าหันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด -19 แพร่ระบาดจนกระทั่งสิ้นสุด New normal กลายมาเป็นความท้าทายใหม่ของผู้ทำธุรกิจทั่วโลก เพราะหลัง โควิด – 19 จบ แต่การทำธุรกิจยังต้องไปต่อ ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการวางแผน วางกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

กระทั่งในด้านธุรกิจแฟชั่นหลังการแพร่ระบาดสิ้นสุดก็กำลังจะเกิดปรากฏการณ์ New normal ในวงการด้วยเช่นกัน ด้วยการนำปัจจัยพื้นฐานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ตั้งแต่ ระบบการผลิต วัถุดิบหรือวัสดุที่ใช้ ระบบการจำหน่ายและการทำการตลาด ทั้งหมดนี้เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมและการตัดสินใจของผู้บริโภคที่เป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจนั่นเอง


New normal ของธุรกิจแฟชั่นกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระยะยาว

นับจากนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดในอนาคต New normal ของธุรกิจแฟชั่นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมดังกล่าวใน 3 ด้านด้วยกัน คือ เทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และรูปแบบการดำเนินธุรกิจ

การลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการออกแบบสินค้าและกระบวนการทำงาน เพื่อลดต้นทุนการผลิตลง ในขณะเดียวกันยังสามารถส่งมอบสินค้าที่มีประสิทธิภาพไปสู่มือของผู้บริโภคได้

พฤติกรรมผู้บริโภค จะเข้ามาเป็นตัวแปรหลักในการกำหนดทิศทางการตลาดในอนาคต เทคโนโลยีใหม่ๆ จะถูกนำเข้ามาเพื่อนำเสนอสินค้าสู่ผู้บริโภคในรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น

รูปแบบการดำเนินธุรกิจ เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเสริมการผลิตและการตลาดจะนำมาสู่การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ธุกิจแฟชั่น ที่ช่วยดึงดูดกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในอนาคต


เทรนด์ Nearshoring จะมา เน้นสินค้าที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ย้ายฐานการผลิตกลับมาใกล้ๆ ประเทศแม่

Nearshoring คือเทรนด์ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้า เริ่มจากการย้ายฐานการผลิตกลับมาใกล้ประเทศของตน เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าและลดต้นทุนการผลิตสินค้า เนื่องจากเมื่อนำราคาค่าขนส่ง การนำเข้า และระยะเวลาขนส่งมาคำนวณแล้ว พบว่าให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศแทบเอเชีย ไม่เพียงเท่านี้ เทรนด์ Nearshoring ยังมาพร้อมแนวคิดการลดมลภาวะ โดยมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 เสื้อผ้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค รวมถึงการย้ายฐานการผลิตให้มาตั้งอยู่ใกล้ ๆ ประเทศแม่ จะทำให้แบรนด์สามารถสามารถผลิตสินค้าได้ทันความต้องการของตลาด พร้อมกับควบคุมและตรวจสอบกระบวนการผลิต ทำให้ลดปริมาณเสื้อผ้าเหลือทิ้งลงได้

เสริมแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีเฉพาะสำหรับธุรกิจแฟชั่น เพื่อตอบสนองความต้องการขอผู้บริโภค

พฤติกรรมผู้บริโภคก่อนการมาของโควิด-19 ยังชื่นชอบการเดินชมร้านเสื้อผ้าเพื่ออัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นหลายแบรนด์จึงมีการนำเสนอเสื้อผ้าใหม่ ๆ เป็นประจำ จนทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายจากการขายสินค้าในราคาเต็มได้ หลังการระบาดสิ้นสุด ธุรกิจแฟชั่นอาจจะมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าสู่สายตาผู้บริโภคแทน เช่น การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual sampling) หรือ Livestreamทำให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสสินค้าเสมือนจริงได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยที่ไม่ต้องเข้ามาที่หน้าร้านของแบรนด์ รวมถึงการบริหารจัดการกระบวนการออกแบบ ผลิตสินค้า และการส่งมอบให้ลูกค้าในมีระยะเวลาที่สั้นลงอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : ทำความรู้จักกับ ‘Maya Penn’ สาวน้อยที่เริ่มต้นธุรกิจแฟชั่นยั่งยืนตั้งแต่ 8 ขวบ

คงกระแสความยั่งยืนสำหรับการทำธุรกิจ เสริมความมั่นใจให้ผู้บริโภค

เทรนด์ New normal ของธุรกิจแฟชั่นจะปรับเปลี่ยนไป แต่ความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ โดยแบรนด์จะต้องดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใสตรวจสอบได้  โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในด้านการออกแบบ กระบวนการเลือกวัตถุดิบ และกระบวนการผลิต เช่นการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยลดมลภาวะ จะเข้ามาชูจุดเด่นด้านความทันสมัยและการรับผิดชอบต่อสังคม ที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่จะนำมาสู่การสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจได้ในอนาคต


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในอนาคตเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจของแบรนด์แฟชั่น เพื่อปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อย่างไรการตามเทรนด์และการเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำนับจากการเปลี่ยนผ่านพฤติกรรมก่อนยุคอินเทอร์เน็ต จนเข้ามาสู่ยุคดิจิตอล และยุค New normal หลังการแพร่ระบาดของโควิด – 19 การที่ธุรกิจติดตามข่าวสารและปรับแผนการบริหารธุรกิจให้เท่าทันเทรนด์ยุคปัจจุบันก็จะทำให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืนแน่นอน


ข้อมูล  : THTI DITP