ธุรกิจ SME คืออะไร มีผลต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยขนาดไหน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจ SME คืออีกทางเลือกดี ๆ ที่ในปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยจัดตั้งขึ้นเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างธุรกิจ SME ที่เชื่อว่าหลายคนคุ้นชื่อ คุ้นหูเป็นอย่างดี เช่น หมูทอดเจ๊จง ธุรกิจร้านอาหารราคาถูกที่ปัจจุบันมีสาขากระจายหลายแห่ง, เจคิว ปูม้านึ่ง ร้านขายปูม้านึ่งออนไลน์เจ้าแรก ๆ ของเมืองไทย เป็นต้น แต่เพื่อให้เข้าใจถึงธุรกิจ SME มากขึ้น จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกันแบบชัดเจน

ธุรกิจ SME คืออะไร มีความสำคัญแค่ไหน

ธุรกิจ SME คือ กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise) ซึ่งแบ่งออกได้หลายประเภทตามลักษณะของธุรกิจนั้น ๆ ปัจจัยหลักในการทำธุรกิจประเภทนี้คือ เป็นทั้งผู้ผลิต, ผู้จัดจำหน่าย หรือทั้ง 2 รูปแบบ ภายใต้พื้นฐานตามกฎหมาย ด้วยจำนวนพนักงาน, เงินทุน หรือขนาดเครื่องจักรอาจไม่ได้สูงมากเท่ากับธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ต้องยอมรับว่านี่คือกลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีผลต่อประเทศชาติอย่างมาก อารมณ์คล้ายกับเป็นฐานรากสำคัญที่จะช่วยสร้างความแข็งแรง ความยั่งยืนให้คนในประเทศ อธิบายง่าย ๆ คือ หากมีแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ การจ้างแรงงานจะน้อย ไม่เกิดการแข่งขัน ขาดการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ รวมถึงยังเป็นตลาดผูกขาดที่ผู้บริโภคอาจต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น

 SME มีทรัพย์สิน ไม่เกินเท่าไหร่

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าปัจจุบันทางด้านของรัฐบาลได้มีการออกกฎหมายใหม่เพื่อรองรับคนทำธุรกิจกลุ่มนี้มากขึ้น รวมไปถึงเรื่องของทรัพย์สิน เนื่องจากหลาย ๆ ธุรกิจเมื่อเติบโตจนเกินขนาด SME แต่ยังเลือกใช้รูปแบบเดิมที่ตนเองเริ่มก่อตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีหรือเหตุผลใดก็ตาม การกำหนดมูลค่าทรัพย์สินจะช่วยให้แยกประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ออกชัดเจนขึ้น ซึ่งทรัพย์สินที่กฎหมายกำหนดไว้ในการทำธุรกิจ SME คือ กลุ่มธุรกิจการผลิต / บริการ ทรัพย์สินถาวรไม่เกิน 200 ล้านบาท ต้องมีพนักงานไม่เกิน 200 คน, กลุ่มธุรกิจค้าส่ง สินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 100 ล้านบาท ต้องมีพนักงานไม่เกิน 50 คน, กลุ่มธุรกิจค้าปลีก สินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 60 ล้านบาท ต้องมีพนักงานไม่เกิน 30 คน

 

ทั้งนี้เมื่อแยกเกณฑ์เฉพาะการใช้ทรัพย์สินในการแบ่งหมวดหมู่ของธุรกิจ SME ก็จะได้รายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

  • กลุ่มธุรกิจการผลิต / บริการ ขนาดกลาง สินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 200 ล้านบาท ขนาดเล็ก ไม่เกิน 50 ล้านบาท
  • กลุ่มธุรกิจค้าส่ง ขนาดกลาง สินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 100 ล้านบาท ขนาดเล็ก ไม่เกิน 50 ล้านบาท
  • กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ขนาดกลาง สินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 60 ล้านบาท ขนาดเล็ก ไม่เกิน 30 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจ SME มีด้วยกันกี่ประเภท

เมื่อเข้าใจกันไปแล้วว่า ธุรกิจ SME คือ อะไร มีการกำหนดทรัพย์สินไว้แบบไหนบ้าง คราวนี้ก็มาถึงการจำแนกประเภทเพื่อแบ่งหมวดหมู่ในการทำธุรกิจให้ชัดเจน อีกทั้งยังถือเป็นเรื่องที่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากธุรกิจแต่ละแบบก็จะมีข้อกำหนดบางเรื่องต่างกันออกไป โดยกลุ่มธุรกิจ SME แบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้

1. กลุ่มธุรกิจด้านการผลิต

เป็นกลุ่มที่จะนำเอาวัตถุดิบประเภทต่าง ๆ ที่ใช้งานมาแปรรูป โดยครอบคลุมตั้งแต่การทำงานส่วนเกษตรกรรม, อุตสาหกรรม, เหมืองแร่ ฯลฯ โดยต้องอาศัยแรงงานคนและมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการผลิตสินค้าให้ออกมาตามเป้าหมาย ตัวอย่างกลุ่มธุรกิจนี้ เช่น โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป, โรงงานผลิตน้ำดื่ม, โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

2. กลุ่มธุรกิจด้านการค้า

เป็นกลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้มีการผลิตสินค้าขึ้นมาด้วยตนเอง มีการติดต่อซื้อ-ขายสินค้าที่สำเร็จรูปแล้วจากผู้อื่นเข้ามาวางขายในธุรกิจ เป็นได้ทั้งการค้าส่ง คือ เน้นขายจำนวนเยอะ ๆ แม้สินค้าจะราคาถูกลงแต่ก็ได้ปริมาณที่นำไปถัวเฉลี่ยแล้วเป็นกำไร และ การค้าปลีก คือ การแบ่งขายสินค้าให้กับผู้บริโภคคนสุดท้าย โดยผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องซื้อคราวละมาก ๆ

3. กลุ่มธุรกิจด้านบริการ

กลุ่มธุรกิจประเภทนี้จะมองไม่เห็นตัวสินค้า แต่สัมผัสได้ถึงความประทับใจที่ผู้ใช้บริการได้รับ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน เช่น ธุรกิจทัวร์ ท่องเที่ยว, ธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจสปา, ธุรกิจทำเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์ เป็นต้น

ธุรกิจ SME ส่งผลอย่างไรต่อสังคมและเศรษฐกิจ

สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจ SME คือ นี่เป็นตัวช่วยสำหรับพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตอย่างที่ควร เพราะแสดงถึงการกระจายรายได้สู่กลุ่มคนทั่วไปได้มากขึ้น ไม่เกิดการกระจุกของผู้ทำธุรกิจอันจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต สร้างฐานรากที่ดีในสังคมให้คนมีงานทำเยอะขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำและความยากจน เมื่อประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ย่อมช่วยลดปัญหาสังคมต่าง ๆ ได้ เช่น การจี้ชิงทรัพย์, ทำร้ายร่างกาย, เครียด ฯลฯ จึงนับเป็นกลุ่มธุรกิจที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญพร้อมออกกฎหมายเฉพาะมาหลายฉบับเพื่อรองรับการเติบโต

ด้วยประเทศไทยของเรามีความเสรีในการใช้ชีวิต การทำธุรกิจ SME คือ อีกสิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าทุก ๆ คนสามารถเป็นเสาหลักของประเทศได้ หากดำเนินการทางธุรกิจอย่างถูกต้อง เมื่อรากฐานมั่นคงก็จะส่งต่อสู่กิ่งก้าน ลำต้น ใบ และยอดอ่อนที่จะเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จากที่เคยเป็นแค่ประเทศกำลังพัฒนา ในอนาคตก็มีสิทธิ์ก้าวกระโดดขึ้นไปทัดเทียมกับประเทศชั้นนำในเอเชียหรือระดับโลกได้สบาย ๆ ใครมีไอเดียหรือแนวคิดดี ๆ ที่อยากนำมาสร้างเป็นธุรกิจ สามารถเริ่มต้นได้ทันทีหากมีความพร้อมและวางแผนได้อย่างรอบคอบ แม่นยำ เพื่อลดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด

มีปัญหาเรื่องธุรกิจออนไลน์ อยากใช้ระบบจัดการร้านค้า โทรปรึกษา Fillgoods ฟรี!

โทรเลย 021146800 กด 1

วันจันทร์ – วันศุกร์
เวลา 09.00 – 18.00 น.