ขนส่งคิดตามน้ำหนัก เขาคิดกันอย่างไร?

การทำร้านค้าออนไลน์หรือแม้แต่การซื้อของ เรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องรู้คือขนส่งคิดตามน้ำหนักที่ไม่ว่าจะส่งพัสดุน้ำหนักเบาหรือหนักก็ย่อมต้องเสียค่าส่งด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนของค่าส่งที่คิดไปตามน้ำหนักนี้จะเป็นการคิดไปตามแต่ละบริษัทขนส่ง เพราะบริษัทขนส่งบางแห่งอาจจะมีการคิดเรื่องค่าน้ำมันและค่าอิจิปาถะต่างๆ ของการขนส่งเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อทำให้เกิดความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า แต่ส่วนใหญ่แล้วราคาก็จะใกล้เคียงกันเกือบทุกแห่ง ไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้นถ้าคุณต้องการรู้ถึงราคาขนส่งคิดตามน้ำหนักด้วยราคากลางที่ชัดเจน ขอแนะนำข้อมูลค่าขนส่งจากบริษัทไปรษณีย์ไทยที่จะแยกสินค้าตามน้ำหนัก ดังนี้

Tips : ส่งสินค้าอย่างไรไม่ให้ตกหล่นหรือสูญหาย ปัญหาขนส่งทำสินค้าหายนับเป็นปัญหาหนักอกร้านค้าออนไลนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเมื่อเกิดแล้วสถานการณ์นี้จะนำไปสู่การสูญเสียรายได้และอาจจะทำให้ร้านค้าขาดทุนได้นั่นเอง ก่อนส่งพัสดุพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จึงต้องรู้จัก เคล็ดลับส่งพัสดุให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย ส่งกี่ครั้งก็ถึงมือปลายทางได้ไม่มีพลาด

 



อ่านเพิ่มเติม : ส่งพัสดุให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย , ขนส่งอะไรดี , น้ำหนัก EMS ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่

1. พัสดุธรรมดา

การส่งพัสดุธรรมดาของไปรษณีย์จะขนส่งคิดตามน้ำหนัก ตั้งแต่กิโลกรัมแรก 20 บาทและในกิโลกรัมต่อไปจะคิดเพิ่มอีก 15 บาท ดังนั้นถ้าคุณเลือกใช้บริการพัสดุแบบธรรมดาที่มีค่าขนส่งแรก 20 บาท ในช่วงของน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แต่เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 กิโลกรัม ค่าบริการจะเป็น 35 บาท เป็นต้น และการขนส่งจะทำได้สูงสุดไม่เกินไปกว่า 20 กิโลกรัมต่อชิ้น  แต่ถ้าเป็นพัสดุขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินกว่า 20 กิโลกรัมขึ้นไปจนถึง 200 กิโลกรัม จะถูกจัดให้ส่งในรูปแบบของ Logis Post ที่ผู้รับพัสดุจะต้องไปรับสินค้าด้วยตัวเองที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าต้องการให้ส่งถึงที่บ้านหรือที่บริษัทจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและค่าใช้จ่ายนี้จะแยกออกตามพื้นที่ การส่งพัสดุตามพื้นที่ต่างๆ ราคาจะไม่เท่ากัน ถ้าส่งไปยังพื้นที่ห่างไกลก็จะต้องเสียค่าขนส่งเพิ่ม สำหรับภาคใต้แล้วตั้งแต่ช่วงจังหวัดกระบี่ พัทลุง และสงขลาลงไปจะมีอัตราค่าบริการขนส่งที่สูงขึ้นเป็น 2 เท่า

2. พัสดุลงทะเบียน

สำหรับพัสดุแบบลงทะเบียนของทางไปรษณีย์ไทยจะสามารถขนส่งคิดตามน้ำหนักได้สูงสุดเพียงแค่ 2 กิโลกรัมเท่านั้น โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 18 บาท และสูงสุดที่ 58 บาท สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักน้อยไม่ถึง 100 กรัม จะคิดค่าบริการโดยรวมที่ 18 บาท และถ้าเกินกว่า 100 กรัมขึ้นไป แต่ไม่เกินไปกว่า 250 กรัม ค่าบริการจะอยู่ที่ประมาณ 22 บาท ซึ่งการส่งในลักษณะนี้จะมีความเร็วกว่าการส่งแบบธรรมดาเพียงเล็กน้อย แต่จะสามารถมั่นใจเรื่องสินค้าไม่เสียหายและสินค้าไม่สูญหายแต่อย่างใด เพราะมีการลงทะเบียนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

3. พัสดุส่งด่วนพิเศษ

สำหรับพัสดุแบบส่งด่วนพิเศษหรือที่เรียกกันจนติดปากว่าพัสดุ EMS จะมีราคาการใช้บริการเริ่มต้นที่ 32 บาท และราคาสูงสุดที่ 612 บาท สามารถขนส่งคิดตามน้ำหนักมากสุดได้ที่ 20 กิโลกรัม แต่ถ้าคุณส่งพสดุน้ำหนักเบาที่ไม่เกินไปกว่า 20 กรัม ราคาจะคิดโดยรวมแบบเริ่มต้นที่ 32 บาท แต่ถ้าเกินกว่า 20 กรัมแต่ไม่เกิน 100 กรัมขึ้นไป ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 37 บาท การขนส่งสินค้าจะเร็วขึ้น ใช้เวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้น

แต่ถ้าคุณมีการสั่งของน้ำเข้าจากต่างประเทศ จะมีขนส่งคิดตามน้ำหนักด้วยเช่นกันและมีการคิดค่าภาษีเพิ่ม จะมีการคำนวณทั้งค่าสินค้าที่สั่งมา + ขนาดและน้ำหนัก + ค่าขนส่ง + ค่าภาษี และค่าบริการต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน แต่ที่จะไม่ตายตัว คือ ค่าขนส่งกับค่าภาษีที่จะราคาจะต่างกันออกไปตามแต่ละประเทศ แต่จะมีวิธีการคำนวณหลักๆ ด้วยสูตรดังต่อไปนี้

  • คิดตามค่าน้ำหนัก + ค่าขนส่ง คือ น้ำหนักจริงของสินค้า X อัตราค่าส่งแบบกิโลกรัม = ค่าขนส่ง
  • คิดตามปริมาตรสินค้า + ค่าขนส่ง คือ ค่าปริมาตรที่ได้จากสินค้า (Q หรือ คิวบิกเมตร)  X อัตราค่าส่งแบบปริมาตร = ค่าขนส่ง โดยจะใช้หลักคิด กว้าง x ยาว x สูง (เซนติเมตร) / 1,000,000 = คิวบิกเมตร (Q)

สำหรับการคำนวณค่าขนส่งคิดตามน้ำหนักของสินค้านำเข้าหรือส่งออกต่างประเทศ จะมีอัตราค่าส่งที่ถูกแยกออกเป็นทางรถ ทางเรือ และทางเครื่องบิน ซึ่งแต่ละบริษัทโลจิสติกส์จะกำหนดออกมาและจะใช้เกณฑ์ในการคำนวณโลจิสติกส์ทั้งหมดแบบสากล โดยใช้หน่วยวัดเป็นน้ำหนักและปริมาตรเพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรมต่อทั้งผู้ส่งสินค้าและผู้รับสินค้ามากที่สุด สำหรับระยะเวลาของการขนส่งสินค้าจะปรากฏบนหน้าเว็บไซต์ของผู้ส่ง ที่จะเป็นคนกำหนดระยะเวลาไว้อย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่แล้วการขนส่งทางรถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 5 วัน และเร็วสุดประมาณ 3 วัน การขนส่งทางเรือจะใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน ซึ่งถือว่าเป็นเวลาปกติ และการขนส่งทางเครื่องบินที่อาจจะใช้เวลาเพียง 1-3 วันเท่านั้น (แล้วแต่ละประเทศ) แต่อัตราค่าขนส่งก็จะสูงขึ้นตามพาหนะแต่ละประเภท ทั้งนี้การขนส่งอาจจะมีการดีเลย์ระยะเวลาเพิ่มขึ้นตามแต่ละสถานการณ์ เพราะบางครั้งการขนส่งระหว่างประเทศจะมีปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศ, ปัญหาภายในประเทศนั้นๆ, ศุลกากร และปัญหาภัยพิบัติต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นคุณจึงควรพูดคุยและตกลงกับทางผู้ที่เป็นขนส่งจากทางต่างประเทศให้ดีและควรมีการรายงานสถานการณ์ พร้อมสถานะของการจัดส่งแก่ผู้รับอยู่เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้รับสินค้ามากขึ้น

Tips : อยากส่งของออนไลน์ อยากส่งพัสดุใช้บริการขนส่งเจ้าไหนดี ที่จะส่งได้รวดเร็ว พัสดุปลอดภัยไม่หายไประหว่างทาง อีกทั้งปัจจุบันบริษัทขนส่งที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ก็มีให้บริการหลากหลายบริษัท ด้วยการชูจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างกันไป เพื่อรองรับทุกความต้องการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ขนส่งเจ้าไหนดีที่จะส่งเร็ว น่าใช้บริการ วันนี้ Fillgoods ได้นำพาร์ทเนอร์บริษัทขนส่งชั้นนำทั้ง 5 บริษัทมาเปรียบเทียบข้อดีและจุดเด่นให้ทุกคนได้เลือกใช้บริการส่งของออนไลน์ได้ตามชอบใจ

การขนส่งคิดตามน้ำหนักจะมีทั้งภายในประเทศและการขนส่งต่างประเทศ ที่ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าหรือส่งออก ดังนั้นคุณจึงควรศึกษาต่อบริษัทขนส่งที่คุณจะใช้บริการให้ดี โดยเฉพาะเรื่องของการคิดค่าบริการตามน้ำหนัก การชั่งน้ำหนักที่เป็นธรรม และกฎระเบียบต่างๆ เพื่อทำให้สินค้าไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยและไม่มีปัญหาใดๆ ตามมา ยิ่งถ้าเป็นการขนส่งสินค้าเพื่อส่งออกหรือนำเข้าต่างประเทศด้วยแล้ว คุณยิ่งต้องศึกษาเรื่องของภาษีและกฎหมายระหว่างประเทศที่ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องสินค้าที่ส่งออกผิดกฎของประเทศอื่นๆ จนอาจทำให้การส่งสินค้าของคุณเกิดการโดนแบนจนไม่สามารถขายในประเทศหรือนำเข้าสินค้าจากประเทศนั้นๆ ได้อีกต่อไป